ประมวลภาพกิจกรรม

SPUC

   
 กิจกรรม SPUC TALK ; โดยรศ. ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ม.ศรีปทุม ชลบุรี
 รายละเอียด ในสภาวะการณ์ปัจจุบันมีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์โรคระบาดจะยืดเยื้อไปอีกนาน ความเป็นโลกาภิวัฒน์จะถูกทำลาย เพราะโรคระบาด โลกที่เคยกว้างก็จะแคบลง การศึกษาที่เดิมจะมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะต่างๆในเพื่อขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการพลเมืองโลก จะ Narrow Down ลงมากลายมาเป็นเพียงการมีชีวิตอย่างมึความสุข ของผู้เรียนและครอบครัว

ฉะนั้น เป้าหมาย ปรัชญาและกรอบแนวคิด และนโยบาย และกระบวนการต่างๆก็ย่อมเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของทักษะการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ที่ยิ่งต้องเข้มข้นมากกว่าเดิม เพื่อส่งเสริมให้สามารถวิเคราะห์ศักยภาพของตัวเองอันนำไปสู่การสร้างอาชีพใหม่ที่เหมาะสมกับตนและบริบท หรือการคิดค้นธุรกิจ Startup ที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่น ที่จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ รวมถึงความสามารถในการเรียนรู้ปรบตัวกับสถานการณ์ที่ผกผัน ได้อย่างรวดเร็ว ล้วนเป็นสมรรถนะใหม่ที่ผู้เรียนในปัจจุบันจำเป็นต้องมีและแน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้กลไกการศึกษาทั้งหมดจะต้องลักษณะของการจัดการศึกษาทางไกล ที่มีทั้งในรูปแบบ Analog สำหรับผู้ด้อยโอกาสและในรูปแบบของ Digital Platform ซึ่งขณะนี้ก็เกิดการตื่นตัวอย่างกว้างขวางในการใช้เครื่องไม้เครื่องมือและ Application เพื่อพัฒนาบทเรียนและรูปแบบการถ่ายทอดความรู้ของผู้สอนไปสู่ผู้เรียนด้วยวิธีออนไลน์ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่อย่างไรก็ตามการกล่าวถึงหรือการตระหนักในมิติของการจัดการเรียนรู้ที่ “ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง” บนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือการจัดการเรียนรู้แบบ active learning ใน virtual classroom ยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงมากนักแต่ยังคงมุ่งประเด็นไปที่เครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ยังมิใช่หัวใจสำคัญของการศึกษา

โดยการที่เราจะสามารถจัดการศึกษา Online แบบ Active Learning ให้เป็น High Functioning Classroom (ห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งกระบวนการและผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน) ได้นั้นจะต้องคำนึงถึงธรรมชาติผู้เรียน ผู้สอน และบริบทต่างๆรวมถึง สภาพแวดล้อม ภูมิสังคมที่ผู้เรียนเติบโตมา และสถานการณ์ของโลกปัจจุบันเพื่อการออกแบบโครงสร้างเนื้อหาพี่สอดคล้องสามารถนำไปใช้ได้จริง และการออกแบบรายวิชาจะต้องไม่เป็นลักษณะของการจำแนกเป็นวิชาใดๆแต่จะต้องควบรวมรายวิชาในลักษณะของการบูรณาการให้น้ำหนักไปกับวิชาสัมมนา วิชาค้นคว้าอิสระ วิชาวิทยาการวิจัย และวิชาการสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นต้น โดยการเรียนรู้และมอบหมายงานต่อ Learner 1 Unit จะไม่ได้มีเพียงผู้เรียน 1 คน อีกต่อไป แต่ในการจัดการเรียนรู้ จะต้องรวมถึงบุคคลรอบข้างของผู้เรียนเจ้าคือผู้ปกครองหรือครอบครัวของผู้เรียน จึงนับเป็น 1 Unit เราคือครอบครัวและผู้ปกครองเด็กจะต้องรับรู้ว่าผู้เรียนกำลังเรียนสิ่งใดและกำลังทำสิ่งใด ถึงขนาดที่ว่าบางครั้งผู้ปกครองอาจจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเหมือน Facilitator หรือเป็น Coach ให้กับผู้เรียนในระหว่างที่ผู้เรียนกำลังลงมือเรียนรู้ด้วยตนเอง

โดยกรอบการเรียนรู้ก็จะต้องสอดคล้องกับ ชีวิตของผู้เรียนและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นโครงงานชีวิต การแก้ปัญหา พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะทำให้ชีวิตผู้เรียนดีขึ้น โดยคร่าวๆอาจจะมีขั้นตอนดังนี้เริ่มต้นชั้นเรียนออนไลน์ให้ผู้เรียนแต่ละคนสลับไมค์กันพูดถึงตัวเอง วิเคราะห์ศักยภาพตัวเองให้เพื่อนฟังไม่ว่าจะเป็นข้อดีข้อด้อยความสามารถพิเศษและแนวคิดสิ่งที่อยากทำเพื่อให้เกิดวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนตั้งแต่เริ่มต้น โดย application ที่เหมาะสมจะเป็น application ที่ครูเป็นเหมือนกับแอดมินที่มีบทบาทเป็นเหมือนผู้ดำเนินรายการสามารถควบคุมสวิทช์ไมโครโฟนได้ จากนั้นขั้นตอนต่อมาเมื่อตนเองได้เข้าใจศักยภาพตนเองแล้วคุณครูได้เข้าใจศักยภาพของผู้เรียนแล้ว จึงเป็นขั้นนำสู่เนื้อหาการเรียนรู้โดยครูจะนำสื่อมัลติมีเดียต่างๆที่จะใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความตระหนักเพื่อเปิดทาง หรือนำเข้าสู่เนื้อหา โดย application ที่จะใช้ในขั้นตอนนี้ควรมีฟีเจอร์ที่สามารถสอดแทรก Media ต่างๆไม่ว่าจะเป็นวีดีโอคลิปหรือคลิปเสียงในระหว่างการสื่อสารกับผู้เข้าร่วมเรียนได้ จากนั้นก็ลองให้ผู้เรียนแชร์ไอเดียสิ่งที่ตัวเองสนใจอยากจะศึกษาค้นคว้าและลงมือทำหรือคิดค้นด้วยตนเอง โดยขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการที่ผู้เรียนจะแยกย้ายกันไปลงมือศึกษาค้นคว้าประดิษฐ์คิดค้นด้วยตนเองโดยอาศัยผู้ปกครองหรือสมาชิกในครอบครัวคนใกล้ชิดที่อาศัยอยู่ในคราวเดียวกันเป็นตัวช่วย โดยขอบเขตของงานอาจจะอยู่ที่ข้อจำกัดของเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ทรัพยากรต่างๆเข้าที่ในรอบรั้วชายคาที่ตนมีก่อน โดยระหว่างการลงมือปฏิบัติครูจะต้องมีการนัดมารายงานความก้าวหน้าผ่านทางออนไลน์โดยในระหว่างการรายงานความก้าวหน้าก็จะต้องมีการเก็บข้อมูลเพื่อทำการประเมินผลในลักษณะการประเมินตามสภาพจริง Formative Assessment โดยอาจจะอยู่ในรูปของการประเมินแบบ 360 องศา กล่าวคือ ผู้เรียนประเมินตนเองพร้อมรายงานความก้าวหน้า เพื่อนที่เข้าร่วมฟังแลกเปลี่ยนออนไลน์ร่วมประเมิน ครูประเมินจากกระบวนการและชิ้นงาน ซึ่งจะเป็นการประเมินเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจนลำดับสุดท้ายครูจึงประเมินที่ชิ้นงานสมบูรณ์หลังจากที่ผู้เรียนทำเสร็จสิ้นแล้ว โดยครูจะต้องสามารถแกะร่องรอยและกระบวนการในการลงมือทำจริงของผู้เรียนว่ามีประสิทธิภาพและได้ใช้ความรู้ในสาขาวิชาไหนบ้าง และครูจะต้องทำการออกแบบวิธีการวัดแบบ Summative ที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติศึกษาและเรียนรู้มา หลังจากนั้นครูจะต้องจัด Online Session เพื่อทำการ AAR (After Action Review) อีกครั้ง โดยประเด็นการพูดคุยกันจะเป็นเรื่องของจุดการเรียนรู้ที่ผ่านมาบทเรียนต่างๆอุปสรรคปัญหาวิธีการแก้ไขตลอดจนมองไปที่ Next step ว่าจะพัฒนาตนเองอย่างไรในอนาคตและถ้ามีโอกาสได้เรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ชิ้นงานอีกครั้งจะทำอะไรที่เป็นการต่อยอดที่อยากเห็นและลุกขึ้นจากชิ้นงานเดิม โดยคุณครูอาจจะชวนคิดให้ทำในสิ่งที่จะกระทบกับวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆก็ได้ ตัวอย่างเช่น ครั้งแรกอาจจะทำเพื่อตัวเองและครอบครัวถัดไปอาจจะเริ่มทำเพื่อชุมชนใกล้เคียงต่อไปอาจจะเริ่มทำในสิ่งที่กระทบกับคนในประเทศและสังคมโลกในที่สุด เป็นต้น โดยในการจัดการเรียนการสอนทางไกลในลักษณะนี้จะคล้ายๆกับการเรียนแบบ problem based learning ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งครูจะต้องมีทักษะในการซักถามการตั้งคำถามที่จะกระตุ้นให้เขาคิดอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มต้นระหว่างทางไปจนถึงจบกระบวนการ นอกจากนี้จะต้องมีทักษะในการสอนอย่างสร้างสรรค์กล่าวคือต้องมีความสามารถในการเลือกใช้สื่อที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจ ออกแบบวิธีมอบหมายงาน วิธีการสื่อสาร อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งไม่สามารถเรียนรู้ผ่านการอบรมได้นอกเสียจากการ PLC (แบบ Online) แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเพื่อนครูด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามในสภาวะดังกล่าวแม้เราจะสามารถจัดการเรียนการสอนออนไลน์ให้กับผู้เรียนส่วนใหญ่ได้แต่ก็ยังมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลขาดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่จะเรียนรู้ทางไกลได้ จึงอาจใช้อุปกรณ์ analog เท่าที่มี เช่น โทรทัศน์ วิทยุ ที่เขตพื้นที่การศึกษาจะสามารถเอื้ออำนวยให้ผู้เรียนได้ และให้มีการจัดโปรแกรม วิทยุ หรือ โทรทัศน์ ท้องถิ่น ที่เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบ กับการมอบหมายงานที่คุณครูอาจจะส่งไปรษณีย์ไปเป็นระยะ แต่ถ้าผู้เรียนอยู่ในเขตห่างไกลอย่างที่สุดไม่มีแม้กระทั่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยุคอนาล็อกหรือแม้แต่ไฟฟ้าก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ชุดการเรียนรู้ที่เป็น Paper based แบบ Toolkit หรือ Package ที่ข้างในมีคู่มือการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีแบบฝึกหลากหลายโมดูล และแบบวัดประเมินผลสัมฤทธิ์ เเละส่งกลับให้ครูทางไปรษณีย์

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เขียนได้นำเสนอไปข้างต้นเป็นเพียงแนวคิดในเรื่องของกิจกรรม แผนงานและกระบวนการจัดการศึกษาเพื่อรองรับกับสถานการณ์เท่านั้น แต่หัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนมโนทัศน์ในเรื่องการกำหนด learning outcome (ผลลัพธ์การเรียนรู้) ของผู้เรียนของประเทศไทย ที่น่าจะเปลี่ยนไปอันเนื่องมาจากโลกใบนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งการกำหนด Learning Outcome ดังกล่าวนี้ ไม่สามารถมาจากใครคนใดคนหนึ่งได้ แต่จะต้องเป็นการระดมสมองช่วยกันออกความคิดเห็นจากประสบการณ์ของผู้ทรงคุณวุฒิ นักปฏิบัติ นักวิชาการการศึกษา จากทุกภาคส่วน มาร่วมกันรังสรรค์และสังเคราะห์ learning Outcome ที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต จนเหนี่ยวนำให้เกิดกลไกและกระบวนการจัดการศึกษาที่ดีและเหมาะสม จนผู้เรียนพัฒนาได้ถูกทางเติบโตยังมีความสุขมีสัมมาชีพที่ดีเป็นประชาชนที่ดี มีคุณภาพช่วยบ้านเมืองประเทศชาติพัฒนาต่อไป
 สถานที่
 วันที่ 15/04/2563
 
 
ประมวลภาพกิจกรรม SPUC TALK ; โดยรศ. ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ม.ศรีปทุม ชลบุรี
จำนวน : 1 รูป

ลบ