This research aimed to study the relationship of entrepreneurship environment and entrepreneurship intention, the relationship of entrepreneurship environment and entrepreneurship self-efficacy, the relationship of entrepreneurship self-efficacy and entrepreneurship intention, and to explore the role of entrepreneurship self-efficacy between entrepreneurship environment and entrepreneurship intention. This quantitative research used a questionnaire as a tool, which was checked by IOC. The research samples were 400 sports postgraduates from 9 universities in Guangdong province. Hierarchy regression was used to calculate the results. The main research conclusions were as follows: 1) Entrepreneurship environment had a significant impact on entrepreneurship intention, 2) Entrepreneurship environment had a significant impact on entrepreneurship self-efficacy, 3) Entrepreneurship self-efficacy had a significant impact on entrepreneurship intention, and 4) Entrepreneurship self-efficacy had a mediator effect between entrepreneurship environment and entrepreneurship intention. Keywords: entrepreneurship environment, entrepreneurship self-efficacy, entrepreneurship intention, sports postgraduates.

The purpose of this study were explored on legitimacy of sports associations as: 1) The impact of network size, 2) The impact of network heterogeneity, 3) The regulatory role of institutional environment between network size and legitimacy, and 4) The regulatory role of institutional environment between network heterogeneity and legitimacy. This study conducted a large sample questionnaire survey of 626 municipal sports associations in Jiangsu Province, adopted the simple random sampling method, and finally selected 244 valid research data of questionnaires. Statistical software was used for empirical analysis of the data, and descriptive statistical analysis, Pearson correlation analysis, factor analysis and multiple linear regression analysis were used. The results show that most of the hypotheses proposed in this study are supported. The main conclusions include: The larger network size is conducive to the acquisition and maintenance of organizational legitimacy of sports associations, network heterogeneity has a positive impact on the realization of regulatory legitimacy and normative legitimacy. Institutional environment is conducive to strengthening the organizational legitimacy, and institutional environment positively regulates the impact of network size on regulatory legitimacy and normative legitimacy. Institutional environment reversely moderates the impact of network heterogeneity on organizational legitimacy. Keywords: social network, organizational legitimacy, institutional environment, sports association.

Philanthropy is the main form for enterprises to fulfill their social responsibility, and active and continuous charity activities can improve the enterprise?s image, reputation and efficiency. In order to explore whether corporate durative philanthropy affects consumers? loyalty to corporate brand, this study used structural equation modeling in AMOS 21 to analyze the impact of corporate durative philanthropy on its reputation and consumer?s brand loyalty from consumers? perspective. The results showed that corporate durative philanthropy enhanced corporate reputation and consumers? brand loyalty, and durative charity enhanced corporate reputation and consumers? loyalty to corporate brand. Corporate reputation played a mediating role between corporate durative philanthropy and consumers brand loyalty. These findings can promote enterprises to strengthen the continuity of charitable behavior in order to enhance consumers brand loyalty, and also promote enterprises to better undertake social responsibility. Keywords: corporate durative philanthropy, corporate reputation, consumers brand loyalty.

Traffic congestion has always been one of the biggest problems in Bangkok. The rapid increase of personal vehicles each year has contributed to heavy congestion, resulting in heavy air pollution. Public transport service providers need a better understanding of their users? expectations by analyzing and assessing service quality and performance feedback and ratings. The correlation between service quality and user satisfaction of five service quality factors (tangibility, reliability, responsiveness, assurance, and empathy) and two factors of perceived value (price and time) was studied. The results showed that all variables were positively correlated with the satisfaction of public transportation users. The factors of responsiveness and perceived value of time significantly influenced the satisfaction of BTS Skytrain users, while assurance influenced the satisfaction of MRT Subway users. Tangibility and the perceived value of time influenced the satisfaction of fan bus users, while responsiveness and perceived value of time influenced the satisfaction of air-conditioned bus users. Keywords: service quality, perceived value, satisfaction of public transportation users.

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มชีวิตวิถีใหม่ (new normal) ในธุรกิจการบินหลังสถานการณ์โควิด 19 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อสายการบินกับส่วนประสมทางการตลาด กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ใช้บริการสายการบิน จำนวน 400 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน พบว่า 1) ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพนักเรียน/นักศึกษา มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001-30,000 บาท 2) ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เลือกใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ทุกขั้นตอน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในการใช้บริการภายใต้สถานการณ์โควิด 19 รองลงมาด้วยเหตุผลด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และด้านนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ตามลำดับ โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้บริการเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ รองลงมาเพื่อเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง และเพื่อการศึกษาหา *อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการซัพพลายเชนธุรกิจ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทา, e-Mail: wannee.su@ssru.ac.th Lecturer, Business Supply Chain Management, College of Logistics and Supply Chain, Suan Sunandha Rajabhat University, e-Mail: wannee.su@ssru.ac.th **อาจารย์ประจำสาขาวิชาธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, e-Mail: mpakamas@gmail.com Lecturer, Airline Business Program, Chandrakasem Rajabhat University, e-Mail: mpakamas@gmail.com ความรู้ ตามลำดับ 3) ด้านภาพรวมความคิดเห็นต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.49) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านกายภาพ (ค่าเฉลี่ย 4.85) รองลงมาคือ ด้านกระบวนการ (ค่าเฉลี่ย 4.62) ด้านบุคลากร (ค่าเฉลี่ย 4.60) ด้านผลิตภัณฑ์ (ค่าเฉลี่ย 4.49) ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย (ค่าเฉลี่ย 4.41) และด้านราคา (ค่าเฉลี่ย 4.13) ตามลำดับ คำสำคัญ: ชีวิตวิถีใหม่ (new normal), ส่วนประสมทางการตลาด, ธุรกิจการบิน

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพลักษณ์องค์กรที่ส่งผลต่อความภักดีของผู้ใช้บริการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และศึกษานวัตกรรมที่ส่งผลต่อความภักดีของผู้ใช้บริการบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ใช้บริการบริษัทไปรษณีย์ ไทย จำกัด จำนวน 400 คน สุ่มแบบตามสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม ตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถามโดยใช้ IOC เทคนิค และการทดสอบค่าความเชื่อมั่น พบว่าค่าสัมประสิทธิ์ครอนบาคแอลฟ่าของแบบสอบถามทั้งฉบับ เท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์การ *อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี, e-Mail: soraya_784@hotmail.com Lecturer, Management Department, Faculty of Business Administration and Information of Technology, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi-Suphanburi Center, e-Mail: soraya_784@hotmail.com **นักศึกษา (สาขาวิชาการจัดการ) คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี, e-Mail: muangtaphaopang00@gmail.com Student, (Management Department), Faculty of Business Administration and Information of Technology, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi-Suphanburi Center, e-Mail: muangtaphaopang00@gmail.com ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ภาพลักษณ์องค์กร ได้แก่ ด้านชื่อเสียง ด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ด้านการให้บริการ และด้านการติดต่อระหว่างบุคคล ส่งผลต่อความภักดีของผู้ใช้บริการบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และปัจจัยนวัตกรรม ได้แก่ ด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ด้านนวัตกรรมบริการ ด้านนวัตกรรมกระบวนการ และด้านนวัตกรรมบริหารจัดการ ส่งผลต่อความภักดีของผู้ใช้บริการบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คำสำคัญ: ภาพลักษณ์องค์กร, นวัตกรรม, ความภักดีของผู้ใช้บริการ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพลักษณ์อาหารพื้นเมืองและทัศนคติของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่ออาหารพื้นเมืองจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างคือ นักท่องเที่ยวชาวไทย เลือกแบบเจาะจง ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้วิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (independent t test) พบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยมีความพึงพอใจต่อภาพลักษณ์อาหารพื้นเมืองโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.13-3.62 ซึ่งอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากที่สุดถึงน้อยที่สุดพบว่า อันดับแรกคือ ด้านบรรยากาศของร้านอาหารพื้นเมือง อันดับสองคือ ด้านความแปลกใหม่ อันดับสามคือ ด้านคุณภาพของอาหารพื้นเมือง อันดับสี่คือ ด้านคุ้มค่าเงิน และอันดับสุดท้ายคือ ด้านสิ่งติดตรึงและส่วนประกอบ ส่วนทัศนคติของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่ออาหารพื้นเมือง โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทัศนคติของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่ออาหารพื้นเมือง อันดับแรกคือ ด้านความเป็นแก่นแท้ อันดับสองคือ ด้านแนวโน้มพฤติกรรมนักท่องเที่ยว อันดับสามคือ ด้านความแตกต่าง และอันดับสุดท้ายคือ ด้านสุนทรียศาสตร์ คำสำคัญ: ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว, อาหารพื้นเมือง, การท่องเที่ยวเชิงอาหาร, จังหวัดเชียงใหม่

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์เกี่ยวกับการควบคุมการปฏิบัติการระบบสารสนเทศโดยใช้วิธีการห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาสำหรับผู้เรียน ระดับปริญญาตรีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญและความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแพลตฟอร์ม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เรียนระดับปริญญาตรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบประเมินคุณภาพของแพลตฟอร์มโดยผู้เชี่ยวชาญ และ 4) แบบสอบถามและสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที พบว่าแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 82.22/83.08 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ .9115 ผู้เรียนที่เรียนด้วยแพลตฟอร์มดังกล่าวมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการประเมินคุณภาพของแพลตฟอร์มจากผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมาก โดยเห็นว่าแพลตฟอร์มนี้มีความน่าสนใจและเหมาะที่จะใช้กับผู้เรียน และผู้เรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับแพลตฟอร์มอยู่ในระดับมากเช่นกัน คำสำคัญ: แพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์, การควบคุมการปฏิบัติการระบบสารสนเทศ, ห้องเรียนกลับด้าน

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความเชื่อมั่นของผู้โดยสารต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2) เพื่อเปรียบเทียบความเชื่อมั่นของผู้โดยสารต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จำแนกตามปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ และ 3) เพื่อศึกษาอิทธิพลของความเชื่อมั่นของผู้โดยสารต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการของสายการบินที่มีผลต่อความคิดเห็นเชิงพฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ ผู้โดยสารชาวไทยซึ่งเดินทางด้วยสายการบินต้นทุนต่ำเส้นทางบินภายในประเทศในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีกลุ่มตัวอย่าง 385 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบสะดวก (convenience sampling) เป็นการวิจัยเชิงสำรวจโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ สถิติที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น สถิติเชิงพรรณนา (descriptive statistics) ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน (inferential statistics) ได้แก่ การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่าผู้โดยสารมีความเชื่อมั่นต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการของสายการบินภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านการบริการบนเครื่องบินอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านการบริการภาคพื้นอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้ผู้โดยสารที่มีเพศแตกต่างกันมีความเชื่อมั่นต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการของสายการบินภายใต้สถานการณ์การระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขณะที่ผู้โดยสารที่มีอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ความถี่ในการเดินทาง และวัตถุประสงค์ในการเดินทางที่แตกต่างกัน มีความเชื่อมั่นต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการของสายการบินภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และยังพบว่า ความเชื่อมั่นของผู้โดยสารต่อแนวปฏิบัติด้านการบริการของสายการบินมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นเชิงพฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05โดยเฉพาะด้านการบริการภาคพื้น คำสำคัญ: ความเชื่อมั่น, สายการบิน, การระบาดของโควิด-19, ธุรกิจการบิน

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของปัจจัยความรับผิดชอบต่อสังคม ปัจจัยคุณภาพการให้บริการที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กร และศึกษาปัจจัยความรับผิดชอบต่อสังคมและปัจจัยคุณภาพการให้บริการที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ใช้บริการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 400 คน สุ่มแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม ตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถามโดยใช้ IOC เทคนิค และการทดสอบค่าความเชื่อมั่นพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์ครอนบาคแอลฟ่าของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ .98 สถิติที่ใช้วิจัย ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยความรับผิดชอบต่อสังคมและภาพลักษณ์องค์กร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และปัจจัยคุณภาพการให้บริการโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด การทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยความรับผิดชอบต่อสังคม ได้แก่ ด้านความโปร่งใส ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน และด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี มีอำนาจทำนายร้อยละ 65.00 และปัจจัยคุณภาพการให้บริการ ได้แก่ ด้านรูปธรรม ด้านความไว้วางใจ ด้านการตอบสนองต่อผู้ใช้บริการ ด้านความมั่นใจได้ และด้านความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี มีอำนาจทำนายร้อยละ 76.00 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 คำสำคัญ: ความรับผิดชอบต่อสังคม, คุณภาพการให้บริการ, ภาพลักษณ์องค์กร, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพเส้นทางปัจจุบันของการจัดเก็บขยะมูลฝอยภายในเขตเทศบาลนครไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต และเพื่อเสนอแนวทางในการปรับปรุงเส้นทางการจัดเก็บขยะมูลฝอย โดยใช้วิธีฮิวริสติกส์ในการจัดเส้นทางยานพาหนะจัดเก็บขยะมูลฝอย มีจุดเก็บขยะทั้งหมด 39 จุด และใช้วิธีฮิวริสติกส์ทั้งหมด 4 วิธี ได้แก่ วิธีประหยัด วิธีการหาจุดใกล้ที่สุด วิธีการหาจุดไกลที่สุด และวิธีการจัดเส้นทางแบบกวาด ยานพาหนะที่ใช้เก็บขยะมูลฝอยมี 2 ประเภท ได้แก่ รถหกล้อและรถสิบล้อ วิเคราะห์เส้นทางด้วยโปรแกรมไมโครซอฟต์เอ็กเซล พบว่าการจัดเส้นทางโดยใช้วิธีประหยัด ทำให้บริษัทใช้รถขนส่งเพียง 3 คัน และได้ระยะทางที่สั้นที่สุดคือ สามารถลดระยะทางจากเดิม 666.80 กิโลเมตร เหลือ 414.60 กิโลเมตร กล่าวคือลดระยะทางลงได้ 252.20 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 37.82 สำหรับวิธีที่ได้ระยะทางสั้นรองลงมาคือ วิธีการหาจุดไกลที่สุด มีระยะทาง 419.30 กิโลเมตร ส่วนวิธีการหาจุดใกล้ที่สุด มีระยะทาง 422.10 กิโลเมตร และวิธีการจัดเส้นทางแบบกวาด ได้ระยะทางไกลที่สุดคือ 537.60 กิโลเมตร ดังนั้น วิธีประหยัดมีต้นทุนรวมค่าขนส่งถูกที่สุด จำนวน 1,926,563 บาทต่อปี จากต้นทุนแบบเดิมในปัจจุบัน สามารถลดลงได้ 1,215,713 บาทต่อปี คำสำคัญ: การจัดเส้นทาง, ฮิวริสติกส์, การจัดเก็บขยะ, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

งานวิจัยนี้ศึกษาปัญหาในการบังคับใช้พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 เกี่ยวกับการขออนุญาตตั้งโรงรับจำนำที่เป็นการขัดต่อหลักเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 40 และมาตรา 77 ที่รัฐจะต้องจัดให้มีกฎหมายเท่าที่จำเป็นและยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ การจำกัดวงเงินในการรับจำนำ การต่ออายุใบอนุญาต และระยะเวลาในการต่ออายุใบอนุญาตที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน พบว่าการที่พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 กำหนดให้ต้องขออนุญาตตั้งโรงรับจำนำถือว่าขัดต่อหลักเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 40 และมาตรา 77 เพราะรัฐมีหน้าที่จะต้องจัดให้มีกฎหมายเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ตามนิยามความหมายของโรงรับจำนำได้จำกัดดวงเงินในการรับจำนำไว้ที่หนึ่งแสนบาท การต่ออายุใบอนุญาตทุกปี และระยะเวลาการไถ่ถอนทรัพย์จำนำที่กำหนดไว้สี่เดือนสามสิบวัน ถือว่าไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ผู้วิจัยขอเสนอแนะว่า ควรนำรูปแบบการจดทะเบียนมาใช้แทนการออกใบอนุญาต เพราะเห็นว่าเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับหลักเสรีภาพในการประกอบอาชีพ และหลักการที่ว่ารัฐพึงใช้ระบบใบอนุญาตกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และให้มีการแก้ไขวงเงินรับจำนำให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละห้าสิบของมูลค่าทรัพย์จำนำ ปรับปรุง การกำหนดอายุใบอนุญาตให้มีผลบังคับใช้ได้ 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต โดยให้ผู้ได้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นรายปีแทน นอกจากนี้ควรขยายระยะเวลาไถ่ถอนทรัพย์จำนำเป็นระยะเวลา 6 เดือน 30 วัน แทน คําสําคัญ: โรงรับจำนำ, ผู้รับจำนำ, ทรัพย์จำนำ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการจัดการศึกษาของครูในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดระยอง และเพื่อเสนอแนวทางการจัดการศึกษาของครูในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในจังหวัดระยอง โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ครูผู้สอนในโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดระยอง จำนวน 320 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นอย่างไม่เป็นสัดส่วน และครูผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 8 คน ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถาม ทดสอบคุณภาพด้วยการหาค่า ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ได้ค่า IOC = .97 ทดสอบความเชื่อมั่นด้วยการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้ค่าความเชื่อมั่น .947 และ 2) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ผ่านการพิจารณาความเหมาะสมของข้อคำถามจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบ เทียบค่าเฉลี่ย (independent t test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (one-way ANOVA) และการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า พบว่า 1) สภาพการจัดการศึกษาของครูในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดระยอง โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีการจัดการศึกษามากที่สุดคือ ด้านการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านที่มีการจัดการศึกษาน้อยที่สุดคือ ด้านการจัดการเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษา เมื่อพิจารณาปัจจัยส่วนบุคคลของครู พบว่า อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การสอน และกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอน ส่งผลต่อการจัดการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่วนเพศส่งผลต่อการจัดการศึกษาไม่แตกต่างกัน และ 2) แนวทางการจัดการศึกษาของครูในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดระยอง ได้แก่ การจัดการศึกษาโดยใช้แหล่งเรียนรู้ การจัดการศึกษาแบบกิจกรรมเป็นฐาน การจัดการศึกษาแบบปัญหาเป็นฐาน และการจัดการศึกษาแบบบูรณาการ คำสำคัญ: แนวทางการจัดการศึกษา, มัธยมศึกษา, คุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยนี้ศึกษามาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบกิจการดูดทราย ในการพิสูจน์ความเสียหาย การกำหนดค่าสินไหมทดแทน และให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องวางเงินประกันหรือหลักประกันอย่างเพียงพอ เพื่อเยียวยาความเสียหายจากการประกอบกิจการดูดทรายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 พบว่าระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในการควบคุมการประกอบกิจการดูดทรายไม่มีการกำหนดหลักว่าด้วยความรับผิดทางแพ่ง จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิดมาใช้บังคับ จึงก่อให้เกิดปัญหาการพิสูจน์ความเสียหายของประชาชนผู้ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการดูดทราย และการกำหนดค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดหรือเพียงใด ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ไม่อาจนำมาใช้กับการประกอบกิจการดูดทรายได้ เพราะภาระการพิสูจน์และการกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้นต้องอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพิสูจน์ให้ผู้ประกอบกิจการดูดทรายรับผิดได้ นอกจากนั้นระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 ยังกำหนดให้มีการวางเงินประกันความเสียหายแต่จำนวนน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการเยียวยาความเสียหาย ผู้เขียนขอเสนอแนะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 โดยนำหลักการความรับผิดเด็ดขาดและความเสียหายเชิงลงโทษดังเช่นพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560และให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องวางเงินประกันหรือหลักประกันตามความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการ โดยพิจารณาจากเนื้อที่ที่ได้ขอใบอนุญาตและสามารถขอรับคืนได้เมื่อครบกำหนดสองปี เพื่อนำเงินดังกล่าวใช้เป็นหลักประกันความเสียหายระหว่างหรือภายหลังจากการประกอบกิจการดูดทรายเสร็จสิ้น คำสำคัญ: การดูดทราย, ความเสียหาย, ค่าสินไหมทดแทน

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการปรับตัวของผู้สูงอายุในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของCOVID-19 ในพ.ศ. 2563 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 17.57 ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (aging society) หมายถึง มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนมากกว่า 10% ของประชากรทั้งประเทศ ในเวลาเดียวกันก็มีการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส (COVID-19) ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ถึง วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 มีผู้สูงอายุติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 62,655 คน ผู้สูงอายุต้องปรับตัวให้มีศักยภาพเพื่อให้คงอยู่ในสังคมการทำงาน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และยังเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคตของประเทศไทย โดยต้องเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายคือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกายในรูปแบบที่เหมาะสมไม่ยากแก่การปฏิบัติ การพบแพทย์เพื่อดูแลรักษาโรคประจำตัว การเรียนรู้เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงาน การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจคือ การทำงานจิตอาสาเพื่อความสุขใจ และการปรับสภาพจิตใจให้ปล่อยวาง มีความสุขด้วยการสร้างความสงบทางใจ คำสำคัญ: การปรับตัว, ผู้สูงอายุไทย, ยุคโควิด 19

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนวทางในการสร้างสมรรถนะของทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรธุรกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุควิถีใหม่ สมรรถนะเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรในปัจจุบัน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การนำสมรรถนะมาประยุกต์ใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้นจะช่วยให้องค์กรได้บุคลากรที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบทความนี้จะวิเคราะห์กลุ่มสมรรถนะ กำหนดสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจแต่ละกลุ่มสมรรถนะ โดยวิเคราะห์ลักษณะสมรรถนะในแต่ละกลุ่ม และสรุปผลคือ รูปแบบสมรรถนะของทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุควิถีใหม่ การดำเนินธุรกิจในอดีตจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่ลักษณะตลาด รูปแบบการแข่งขัน รูปแบบการขาย ซึ่งบทความนี้อาศัยข้อมูลทุติยภูมิจากเอกสารด้านสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ โดยบูรณาการข้อมูลกับความรู้ทางทฤษฎี และสรุปเพื่อเป็นแนวทางสร้างรูปแบบสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรธุรกิจให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุควิถีใหม่ ซึ่งมีแนวทางในการสร้างรูปแบบเพื่อพัฒนาสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน คำสำคัญ: การสร้างสมรรถนะ, ทรัพยากรมนุษย์, ชีวิตวิถีใหม่